รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่จังหวัดยโสธร เปิดโครงการ “บริการทุกช่วงวัย ด้วยความห่วงใยจากกระทรวงสาธารณสุข “ แนะทุกคนนับคาร์บ ห่างไกลโรค NCDs พร้อมแจ้งข่าวดี ร่าง พ.ร.บ. อสม.

วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.00 น. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข คณะผู้บริหารเขตสุขภาพที่ 10 ลงพื้นที่จังหวัดยโสธร ที่บริเวณโรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว เป็นประธานเปิดโครงการ “บริการทุกช่วงวัย ด้วยความห่วงใยจากกระทรวงสาธารณสุข” ภายใต้หลักการ อสม. มั่นคง สาธารณสุขเข้มแข็ง คนไทยห่างไกล NCDs ก่อนที่จะมอบเครื่องช่วยฟังให้กับตัวแทนผู้พิการทางประสาทหู เปิดอาคาร ผู้ป่วยนอก อาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน โรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว และเยี่ยมชมนิทรรศการการให้บริการของอาคารอุบัติเหตุฉุกเฉินและอาคารผู้ป่วยนอก จำนวน 12 บูท โดยมีว่าที่ร้อยตรี ขรรค์ไชย ทันธิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร นายแพทย์วิทยา วัฒนเรืองโกวิท นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยโสธร ผู้บริหารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ตลอดจนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และประชาชนในพื้นร่วมให้การต้อนรับกว่า 1,200 คน

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในวันนี้มีข่าวดีมาบอก พี่น้อง อสม.ทุกคนเกี่ยวกับความคืบหน้าของ (ร่าง) พระราชบัญญัติอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พ.ศ. … หรือ พ.ร.บ. อสม. ที่เมื่อวานนี้ 15 พฤษภาคม 2568 คณะรัฐมนตรีได้ผ่านฉบับของกระทรวงสาธารณสุขไปที่สภาฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะมีการประสานกับประธานสภาฯ เพื่อบรรจุระเบียบวาระ และเข้าสู่การพิจารณาในสภาฯ และวุฒิสภาต่อไป ซึ่งร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้หากผ่านทุกขั้นตอนสำเร็จจะทำให้พี่น้อง อสม.มีความมั่นคง 5 หมวด โดยเฉพาะหมวดสุดท้ายที่จะมาเติมเต็มสิทธิประโยชน์อย่างเหมาะสม ในฐานะเป็นผู้ที่เสียสละ ทำงานเป็นด่านหน้าในการดูแลสุขภาพประชาชน โดยจะมีบัญชีนอกงบประมาณที่เฉพาะเจาะจงในกิจการของ อสม. ที่จะของบประมาณเป็นส่วนแบ่งจากค่ารักษาพยาบาล ที่หากสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาของพี่น้องประชาชนได้ จะมีการแบ่งเงินงบประมาณในส่วนนี้มาอยู่ในบัญชี ดังนั้นจึงได้ชวนให้ทุกคนมานับคาร์บ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนคนไทยทุกคน ที่ทุกวันนี้มีความเสี่ยงกับการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น เบาหวาน หัวใจ โรคมะเร็ง เพราส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับปริมาณการรับประทานอาหารที่เกินสัดส่วนความจำเป็นของร่างกาย หากคำนวณง่าย ๆ เป็นผู้ชายความสูง 170 เซนติเมตรจะลบด้วย 100 เหลือ 70 คือนำหนักที่ไม่ควรจะเกินนั้น หากเป็นผู้หญิงลบด้วย 105-110 จะเหลือเป็นน้ำหนักที่เหมาะสมกับร่างกายคือ 60-65 กิโลกรัม แต่ถ้าเกินจะส่งผลให้เกิดการสะสมและป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ตามมา ดังนั้นหากทุกคนเข้าใจเกี่ยวกับการนับคาร์บและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก็จะทำให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ลดการเจ็บป่วย และการรักษา ทำให้ประเทศชาติลดรายจ่าย และนำเงินในส่วนนี้ไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ ได้อีกเป็นจำนวนมาก และขอย้ำว่าภารกิจของกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้มีเพียงแค่การรักษาโรค แต่ต้องทำให้ประชาชนทุกช่วงวัยเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งในเมืองและชนบท เงินทุกบาททุกสตางค์ที่รัฐบาลลงทุน ต้องเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน และขอชื่นชมบทบาทของ อสม. ที่ถือเป็นกำลังสำคัญในการสื่อสารความเสี่ยง เฝ้าระวังสุขภาพ และดูแลประชาชนในชุมชนอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นกลไกหลักในการป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่เป็นภัยเงียบของสังคม และกำลังเป็นปัญหาสุขภาพสำคัญในปัจจุบัน
*************************************
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธร ทินกร/ข่าว

แชร์ข่าวนี้