นายสันชัย พัฒนะวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เปิดเผยว่า ปัญหาการเผาป่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่นายชาญชัย ศรศรีวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการกำชับและเน้นย้ำให้ทุกหน่วยได้มีการรณรงค์ ขอความร่วมมือ รวมถึงเฝ้าระวัง ติดตามอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพราะหากเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบในหลาย ๆ ส่วน ดังนั้นในวันนี้ 21 มีนาคม 2568 จึงได้มีการลงพื้นที่ร่วมกับคณะหัวหน้าส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเยี่ยมและติดตามให้กำลังใจคนในชุมชนบ้านหนองแหน อำเภอกุดชุม ตลอดจนภาคส่วนต่าง ๆ ที่ได้ช่วยกันดูแลป่าสงวนแห่งชาติ โพนงาม-ดงปอ ให้คงอยู่อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งจากข้อมูลพบว่าทุกคนช่วยกันหยุดพฤติกรรมการเผาป่ามาได้นานกว่า 20 ปีแล้ว เพราะเล็งเห็นถึงความสำคัญของป่าแห่งนี้ ที่คอยหล่อเลี้ยงชีวิตของทุกคน เป็นบ่อเกิดแห่งความอุดมสมบูรณ์และความชุ่มชื้น ที่นำพามาซึ่งแหล่งอาหารของทุกคนในชุมชน แม้ป่าแห่งนี้จะไม่ใช่ผืนป่าขนาดใหญ่อย่างเขาใหญ่ หรือเป็นป่าต้นน้ำเหมือนทางภาคเหนือ แต่ทุกคนมาช่วยกันดูแลด้วยความเสียสละและเต็มใจ รวมถึงมีการปลูกฝังให้รุ่นลูกรุ่นหลาน ได้ตระหนักและเห็นสิ่งที่ได้รับจากป่าชุมชน ที่มีมากกว่าการเผา ซึ่งอยากให้ชุมชนอื่น ๆ ได้นำแนวคิด รวมถึงแนวทางของชุมชนบ้านหนองแหนไปทำตาม เพราะล้วนมีแต่สิ่งดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเอง ชุมชน และสังคม เพียงช่วยกันคนละไม้คนละมือ แต่เมื่อรวมกันจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่
ขณะเดียวกันก็ได้เดินทางไปรณรงค์ ขอความร่วมมือกับคณะกรรมการป่าชุมชนและคนชุมชนบ้านเกี้ยงเก่า และบ้านคำเลา ตำบลโพนงาม อำเภอกุดชุม ที่เคยเกิดเหตุเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้พื้นที่ป่าเสียหายหลายร้อยไร่ ซึ่งก็มีการแจ้งความเพื่อหาคนกระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่สิ่งที่ทุกคนสูญเสียไปนั้นมากมาย และหลายคนอาจจะเข้าใจว่าเหตุมาจากธรรมชาติ ซึ่งก็เป็นไปได้ รวมถึงพฤติกรรมของคนที่มักง่ายและมีความเข้าใจผิด ๆ เช่น การที่บอกว่าเผาแล้วทำให้เห็ดโตขึ้น ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วการเผาเป็นการทำลายเศษใบไม้ กิ่งไม้เลยทำให้เห็นเห็ดง่ายขึ้น แต่ก็ตามมาด้วยการสูญเสียอื่น ๆ ตามมา ทั้งไฟที่ทำให้ต้นไม้ตาย พื้นดินที่ขาดแร่ธาตุทำให้พืชเจริญเติบโต รวมไปถึงในเรื่องของฝุ่น PM 2.5 ที่มาจากการเผาทำให้สุขภาพของทุกคนที่อยู่ในชุมชนรอบป่าได้รับผลกระทบไปด้วย และจากข้อมูลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธรพบว่า มีประชาชนได้รับผลกระทบทางเดินหายใจจากปริมาณฝุ่นที่เกิดแล้ว ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนในชุมชนได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของป่า หรือแม้แต่เศษวัชพืชทางการเกษตรที่ทางราชการได้พยายามรณรงค์ให้ทุกคนได้เข้าใจและนำสิ่งต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์ มาสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อหยุดพฤติกรรมเผา ที่มีอัตราโทษสูง โดยเฉพาะการเผาป่าที่มีโทษจำคุกตั้งแต่ 4– 20 ปี ปรับตั้งแต่ 4 แสน - 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งวันนี้ทางชุมชนเข้าใจและสัญญาว่าจะช่วยกันเป็นหูเป็นตา เฝ้าระวังดูแลผืนป่าที่เหลืออย่างดี รวมถึงหยุดพฤติกรรมเผา
********
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธร