สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดยโสธร จัดกิจกรรมตักบาตรย้อนยุค วิถีถิ่น วิถีไทย ณ ถนนคนเดินบ้านสิงห์ท่า ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร ในวันศุกร์ที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๕

วันศุกร์ที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๕ เวลา ๐๖.๑๕ น.

       สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดยโสธรร่วมกับส่วนราชการ จัดกิจกรรมตักบาตรย้อนยุค วิถีถิ่น วิถีไทย ณ ถนนคนเดินบ้านสิงห์ท่า ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร โดยมีนายชัยวัฒน์ ชัยเวชพิสิฐ ปลัดจังหวัดยโสธร เป็นประธานในกิจกรรม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ พุทธศาสนิกชน ร่วมตักบาตร พระภิกษุ/สามเณร จำนวน ๑๐ รูป ส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กร และพุทธศาสนิกชน จำนวน ๓๐ คน รวม ๔๐ รูป/คน

       โอกาสนี้ พระครูอนุรักษ์วรดิตถ์ เจ้าคณะอำเภอเมืองยโสธร เจ้าอาวาสวัดสิงห์ท่า ได้กล่าวสัมโมทนียกถาแก่พุทธศาสนิกชนที่มาร่วมทำบุญตักบาตรว่า “การเข้าพรรษาของพระภิกษุสามเณร ที่ได้อยู่จําพรรษามา เป็นระยะเวลาครึ่งเดือนแล้ว ซึ่งในช่วงเทศกาลดังกล่าวนี้ คณะสงฆ์ คณะญาติโยมทั้งหลายก็ดี ก็ได้ร่วมกันบําเพ็ญกุศล อย่างเต็มที่ เพราะว่า อย่างหนึ่งเป็นฤดูที่มองแก่การบําเพ็ญกุศล ไม่ว่าจะเป็นพืชพันธุ์ธัญญาหาร ก็จะอุดมสมบูรณ์ในช่วงนี้ จะเอื้ออํานวยต่อการบำเพ็ญกุศลด้วย แล้วก็ในฤดูนี้จะมีเกิดฟ้าฝนตกอยู่ ก็เป็นฤดูฝนเข้าสู่ฤดูฝน ถ้าเป็นฤดูฝนการเดินทางไปมาก็จะไม่สะดวก ดังนั้นการหยุดพัก เพื่อพักผ่อนพ่อค้าก็ต้องหยุดในการเดินทางไกล. ซึ่งในอดีตการณ์นั้นก็ใช้ขบวนเกวียนเป็นส่วนมาก. ดังนั้นการเดินทางในฤดูนี้จึงเป็นความยากลําบาก. ท่านจึงควรงดการเดินทางในฤดูฝน. จึงเป็นโอกาสที่คณะพระสงฆ์ก็ดี คณะญาติโยมทั้งหลายก็ดี จะได้ร่วมกันบําเพ็ญกุศล ในทุกทุกวัน ซึ่งการบําเพ็ญกุศลนั้น ก็จะเกิดขึ้นกับพุทธศาสนิกชนอยู่โดยสม่ำเสมอ แล้วเมื่อวานนี้เป็นวันพระ เป็นวันอุโบสถ ก็ได้มีญาติโยมจํานวนมากไม่น้อยทีเดียว เข้าวัดต่างต่างมาเป็นบุญกุศล สร้างประเพณีที่ได้ถือปฏิบัติสืบทอดกันมา บางคนก็สมาทานศีลห้าบางท่านก็สมาทานอุโบสถศีล อุโบสถศีลก็คืออยู่จําที่วัดตลอดวันหนึ่งคืนหนึ่ง ก็สวดมนต์ภาวนาเจริญกรรมฐานก็เรียกกันว่า ปฏิบัติตน ปฏิบัติธรรมะ มากกว่าปกติของทุกทุกวัน ซึ่งบุญกุศลที่กระทําอยู่อย่างนี้นั่นแหละ ก็จะเป็นเครื่องหนุน เครื่องส่ง เป็นเครื่องเสริม เป็นเครื่องทําให้ชีวิตนั้นมีความเป็นอยู่อย่างมั่นคงแข็งแรง พระพุทธองค์ท่านจึงได้กล่าวว่า บุญนั่นแหละ จะเป็นที่พึ่ง บุญนั้นแหละ จะเป็นที่อาศัย เป็นเครื่องทําให้ชีวิตการกําเนิดของเรานั้น เป็นไปอย่างมั่นคงแข็งแรง ถ้าจะเปรียบเทียบว่า บุญกุศล ถ้าจะเปรียบเทียบเป็นอาคารบ้านเรือน บุญกุศลก็เปรียบเสมือนกันกับเสาบ้าน เหมือนกันกับโครงสร้าง เป็นเสาเป็นคาน เป็นขื่อเป็นแปลต่างๆ เหล่านั้นก็คือบุญกุศล ถ้าเสา ถ้าคาน ถ้าขื่อ ถ้าแปล แข็งแรงแล้ว บ้านนั้นก็ถือว่ามีความแข็งแรงไประดับหนึ่ง ความดีโดยประการต่างต่างที่ได้กระทํานั้น ก็จะเป็นเหมือนกันกับฝาผนัง เหมือนกันกับประตู เหมือนกันกับหน้าต่าง เหมือนกันกับพื้น ที่ทําให้บ้านนั้นสวยงามน่าอยู่น่าอาศัย มีความแข็งแรงป้องกันภัยจากลมจากฝนจากแดดจากสัตว์ร้าย ป้องกันได้ถ้าความดีที่กระทํามีเพิ่มขึ้น ดังนั้นมีทั้งบุญด้วย มีทั้งกุศลด้วย ตัวของเรานั้นก็จะมีการดําเนินชีวิตไปได้อย่างมั่นคง ได้อย่างแข็งแรง ถ้าขาดบุญ มันก็เหมือนกันกับบ้านที่ไม่มีเสา บ้านนี้ไม่มีเสา ไม่มีคานรองรับ ถูกลมบ้างหรืออยู่การกระทบกระเทือนแม้แต่เพียงเล็กน้อยก็สามารถพังได้ แม้แต่โดนสัตว์หรืออะไรต่างต่างเข้ามาเบียดบังเพียงแค่เล็กน้อยบ้านก็พังได้เหมือนกัน พอฝนตกมาลมพัดมา บ้านที่ขื่อที่แปลไม่แข็งแรง ก็ทําได้โดยง่ายเหมือนกัน ชีวิตที่ขาดบุญ ขาดกุศล สนับสนุนชีวิตที่ขาดทุนความดีเป็นเครื่องค้ำเครื่องจน ชีวิตนั้นก็จะไม่ประสบความสําเร็จ แม้จะทําหน้าที่การงานใดใดก็ตาม ถ้าบุญกุศลไม่ส่งไม่เสริมไม่สนับสนุน หน้าที่การงานนั้นก็ยากที่จะเกิดความเจริญรุ่งเรืองไปได้ มีจํานวนอยู่บางคนไม่น้อยทีเดียว ที่แม้จะเป็นข้าราชการมีหน้าที่การงานมั่นคงแต่ว่าข้อปฏิบัติผิดเพี้ยนไปตามที่เจตนารมณ์ท่านได้กล่าวไว้ ผิดเพี้ยนไปจากเจตนารมณ์ของข้าราชการ ก็ทําให้หน้าที่การงานนั้นไม่เจริญรุ่งเรือง ทําให้หน้าที่การงานนั้น พังลงมา เพราะตัวเองนั้นไม่สร้างคุณความดีให้เกิดขึ้น ดังนั้นพระพุทธองค์ท่านจึงกล่าวว่า นอกจากบุญแล้ว ก็หาสิ่งอื่นที่จะเป็นเครื่องสนับสนุน ให้ชีวิตของคนเหล่านั้นมั่นคงแข็งแรง นอกจากบุญนั้นไม่มี ดังนั้นทุกท่านทั้งหลายมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการทุกทุกหน่วยงาน พ่อค้า ประชาชน ญาติโยมทั้งหลายได้ร่วมกันบําเพ็ญบุญกุศลให้เกิดขึ้นแก่ตนเอง นับว่าได้สร้างความมั่นคง ได้สร้างความแข็งแรง ในการดำเนินชีวิตของเรานั้น ให้มั่นคง ให้แข็งแรง ให้มีความเจริญสืบต่อไป"

       ในโอกาสที่ทุกท่านได้ร่วมทำบุญทำกุศล อันเป็นเหตุให้เกิดบุญเกิดกุศลตั้งแต่เช้าในวันนี้ และทุกท่านได้ริเริ่มในสิ่งที่ดี อันเป็นมงคลแก่ชีวิตของตนเอง ขออํานาจคุณพระรัตนตรัย และอํานาจบุญกุศลที่ทุกท่านได้กระทําบําเพ็ญด้วยดี ได้รวม ได้รวมกันเป็นตะบะ เป็นเดชะ เป็นพละวัจปัจจัย หนุนนําหนุนส่งให้ทุกท่านได้มีความสุขกายสุขใจ อยู่ดีมีสุข ปราศจากทุกข์โศกโรคภัย ปรารถนาสิ่งใดใดขอให้สิ่งที่ปรารถนาเหล่านั้น จงสัมฤทธิ์ผลดังที่ปรารถนาทุกประการทุกทุกท่านตลอดไป. เทอญ

       ทั้งนี้ ผู้ร่วมกิจกรรมได้แต่งกายด้วยชุดผ้าไทยโทนสีเหลืองและสีฟ้า เนื่องในวโรกาส วันเสด็จพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

แชร์ข่าวนี้