วัฒนธรรมจังหวัดยโสธร ร่วมกับส่วนราชการ เทศบาลเมืองยโสธร ตักบาตรย้อนยุค วิถีถิ่น วิถีไทย ถนนคนเดินเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร

วัฒนธรรมจังหวัดยโสธร ร่วมกับส่วนราชการ เทศบาลเมืองยโสธร ตักบาตรย้อนยุค วิถีถิ่น วิถีไทย ถนนคนเดินเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร

         เมื่อเวลา 06.30 นง วันนี้ (24 มิ.ย.65) นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานในพิธีตักบาตรย้อนยุค วิถีถิ่น วิถีไทย โดยมีนายชัยวัฒน์ แสงศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร พร้อมด้วย นายชัยวัฒน์ ชัยเวชพิสิฐ ปลัดจังหวัดยโสธร และหัวหน้าส่วนราชการ พุทธศาสนิกชน ร่วมตักบาตร พระภิกษุ/สามเณร จำนวน 15 รูป ที่บริเวณถนนคนเดิน หน้าศาลหลักเมือง ย่านเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า
        โอกาสนี้ พระครูอนุรักษ์วรดิตถ์ เจ้าคณะอำเภอเมืองยโสธร เจ้าอาวาสวัดสิงห์ท่า ประธานฝ่ายสงฆ์ ได้กล่าวสัมโมทนียกถาแก่พุทธศาสนิกชนที่มาร่วมทำบุญตักบาตรว่า 
        “ธรรมะที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ใช้สติปัญญาพิจารณาโดยละเอียดอ่อนลงไปจึงได้ทราบธรรมชาติอย่างแท้จริง จนกระทั่งว่าแม้แต่ร่างกายของเรานี้ก็ไม่ได้อยู่นอกจากกฏเกณฑ์ของธรรมชาติเลย แท้ที่จริงอัตภาพร่างกายที่เราว่าดีนั้นก็อยู่ในความกำหนดของธรรมชาติไม่มีใครที่จะไปฝ่าฝืนหรือเกินจากที่ธรรมชาติกำหนดมา ธรรมชาติทำให้เกิดอย่างไรเราก็เกิดตามนั้น โดยธรรมชาติเขาให้อยู่เช่นไรก็เราอยู่ไปตามนั้นจะไปฝืนหรือไปเอามากว่าที่ธรรมชาติกำหนดก็ไม่มีใครทำได้ เพราะถ้าเราใช้สติปัญญาในเชิงนี้พิจารณาจนเข้าใจสัจจธรรมอย่างแท้จริง
        ในกาลที่สัมมาสัมพระพุทธเจ้าได้ประกาศพระศาสนาไปแล้วก็ได้มีกุลบุตรเข้ามาอุปสมบท พระผู้ที่มีสติปัญญามาก พระองค์ได้ตั้งให้เป็นอัครสาวกเบื้องขวา อัครสาวกเบื้องซ้าย ก็คือที่เรารู้จักกันในนามท่านพระสารีบุตรและท่านพระโมคคัลลานะ มีอยู่ช่วงระยะหนึ่งที่ท่านพระสารีบุตรนั้นพร้อมกับภิกษุรูปอื่น พอถึงฤดูแล้งพอจำพรรษาเสร็จก็จาริกธุดงค์ไปกับภิกษุหมูใหม่หมู่หนึ่งตามหมู่บ้านชนบทต่าง ๆหลายเดือน จนกระทั่งถึงจวนจะเข้าพรรษาแล้วก็ย้อนกลับมา พอกลับมาแล้วก็มีภิกษุกลุ่มหนึ่งเข้าไปกราบทูลพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พอพระองค์จำได้ก็ถามข่าวว่าพวกเธอเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีมั้ย  ก็ถามข่าวคราวตามปกติ มีภิกษุรูปปหนึ่งก็กราบทูลพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ข้าพระพุทธองค์กับพระสารีบุตรนั้นจาริกไปตามหมู่บ้านนั้นก็ได้พบหลายสิ่งหลายประการ บางหมู่บ้านประชาชนก็ต้อนรับดี จิตใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แต่ก็มีบางคนในหมู่บ้านเหล่านั้นที่ทั้งดุ ทั้งด่า มีทั้งติติฉินนินทา ว่าอย่างนู้นอย่างนี่ เรื่องนั้นบ้างเรื่องนี้บ้าง ทำบุญบ้าง ไม่ทำบุญบ้าง ฟังเทศน์บ้าง ไม่ฟังเทศน์บ้าง ปฏิบัติธรรมบ้าง ไม่ปฏิบัติธรรมบ้าง แต่ก็พูดอยู่อย่างนั้น พระพุทธองค์ก็ถามว่าแล้วสารีบุตรเป็นอย่างไร พระภิกษุก็ยกย่องว่า ท่านพระสารีบุตรนั้นเป็นผู้ที่จิตใจหนักแน่นมาก แม้แต่คนติฉิมนินทาบ้าง สรรเสริญบ้าง ท่านก็ยังวางตัวอยู่ในกลางอย่างสม่ำเสมอ ไม่ยินดียินร้ายกับคำยกย่องสรรเสริญหรือกับคำติฉิมนินทานั้น พระพุทธองค์ก็ตอบว่าเช่นนั้นภิกษุทั้งหลายจิตใจของพระอรหันต์หรือจิตใจของพระผู้เป็นเจ้านั้นต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจหนักแน่น ท่านก็เลยเปรียบให้ฟังว่าจิตใจของพระอริยเจ้านั้นเปรียบเสมือนกันกับเสาเขื่อน ถ้าเสาเขื่อนคิดภาพได้ไม่เห็นภาพชัด อาตมาเลยขอเปรียบเสมือนกันกับเสาสะพานจะได้เข้าใจง่ายหน่อย  เพราะถ้าเสาสะพานนั้น เวลาน้ำหลากมาก็จะมีทั้งน้ำสะอาดและไม่สะอาด มีทั้งของปฏิกูลไหลมาพัดมาที่เสานั้น บางครั้งก็มีซากสัตว์เน่าเหม็นไหลมา บางครั้งก็มีของสกปรกจากที่อื่นไหลมา หากว่าเสาสะพานนั้นจะเชื่อมหน้าของน้ำหลากมา พอน้ำลดลงหน้าแล้ง พอหน้าแล้งก็ไม่มีน้ำ บ้างครั้งก็มีสุนัขเยี่ยวรดบ้าง บางครั้งก็มีคนเยี่ยวรดบ้าง แต่บางคนก็คนว่าเสาสะพานเป็นเสาใหญ่เสาแข็งแรงไปกวาด ไปชำระทำความสะอาด เอาดอกไม้ไปสักการะกราบไหว้ก็มี ก็เสาต้นเดิมนั้นแหละ เสาสะพานนั้นจะมีของปฏิกูลมาหรือมีดอกไม้เข้ามาสักการะเสาต้นนั้นก็ยังอยู่ที่เดิม ไม่ได้หวั่นไหวต่อน้ำที่หลากมาไม่ได้หวั่นไหวกับสิ่งของที่สักการะมานั้นแหละคือจิตใจของพระอริยเจ้าก็เหมือนกับเสาเขื่อนหรือเสาสะพานนั้น 
        พระพุทธองค์จึงได้กล่าวว่า นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต “ผู้ไม่ถูกนินทา ย่อมไม่มีในโลก” เพราะว่าในโลกนี้ไม่มีใครที่จะไม่ถูกนินทา ทำดีเขาก็นินทา ทำไม่ดีเขาก็นินทา   กินดีมากเขาก็นินทา กินน้อยมากเขาก็นินทา สร้างบ้านหลัวใหญ่เขาก็นินทา สร้างบ้านหลังเล็กเขาก็นินทา ก็เรียกกันว่าถ้าทำอะไร ๆ แล้วก็มีแต่เรื่องที่เขานินทา ดังนั้นถ้าเรามั่วแต่เอาคำนินทาของบุคคลอื่นมาเป็นแนวทางแม้จะนั่งหายใจอยู่เฉย ๆ ก็ยังถูกนินทา อย่าว่าแต่นั่งหายใจเลย แม้พระพุทธรูปนั่งไม่หายใจเป็นรูปปั้นไม่ยินดียินร้ายต่อลมต่อแดดต่อฝนก็ยังถูกนินทา ท่านก็เลยมีคำที่พูดประกอบเป็นคำกลอนที่ว่า นนินทา กาเล เหมือนเทน้ำไม่ชอกช้ำ เหมือนเอาตูดไปขูดหิน แม้แต่องค์พระ ปฏิมายังราคินคนเดินดิน หรือจะสิ้นคน”
       ทั้งนี้ ผู้ร่วมกิจกรรมได้แต่งกายด้วยชุดผ้าไทย เพื่อเป็นการรณรงค์ สืบสานอนุรักษ์ศิลป์ ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรม …///…

ส.ปชส.ยโสธร/ข่าว/24 มิ.ย.65
 

แชร์ข่าวนี้